1. ใช้นาฬิกาปลุกจริง ๆ แทน Alarm จากโทรศัพท์
เพราะหลังจากเรากด stop จากโปรแกรม alarm แล้ว จังหวะงัวเงียรู้ตัวอีกทีเราก็นอนยิ้มกับรูปลูกสาวเพื่อนที่วันนี้แต่งตัวน่ารักไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก หรือตกใจกับสถิติเพซใหม่ที่เพื่อนเพิ่งวิ่งจบไปเมื่อตอน 6 โมงเช้าไปเรียบร้อย
เมื่อเราใช้นาฬิกาปลุกจริง ๆ สิ่งแรกที่เราจับเมื่อตื่นนอนก็จะไม่ใช่โทรศัพท์อีกต่อไป
หลายๆ คนก็จะใช้เทคนิคชาร์จโทรศัพท์มือถือนอกห้องนอนไปเลยก็มี ซึ่งอันนี้ก็ดีแต่โดยส่วนตัวโจ้จะเปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ด้วย เผื่อว่ากลางดึกมีสายฉุกเฉินจริงๆ เขามา เราก็ยังจะได้ยินและลุกขึ้นมารับสายได้
2. เพิ่มวงเล็บ แล้วใส่สถานะหน้า Line Display Name หรือ Messenger ต่างๆ
อยากพาคุณย้อนไปสมัยใช้ MSN และ ICQ กัน ยังพอจะโตทันกันใช่ไหมคะ
โจ้ชอบ Status ช่วงนั้นนะที่จะมีตั้งแต่ invisible, do not disturb, away, busy พอเราเห็นดอกไม้ ICQ ของเพื่อน หรือตัว MSN ของเพื่อนในสถานะต่าง ๆ เราก็จะพอรู้ว่าเราควรจะทักทาย หรือเราควรจะปล่อยให้เพื่อนมีเวลาส่วนตัวกับธุระบางอย่างที่เค้าจำเป็นต้องทำตอนนั้นไหม คือเค้าอาจจะกำลัง chat ธุระกับคนอื่น หรือมันอาจจะ auto connect ทันทีเมื่อต่ออินเตอร์เน็ตก็ได้
เมื่อหมดช่วง busy ที่ว่านั้นอย่าลืมเปลี่ยนกลับด้วย เพื่อให้คนเข้าใจว่าเราจะเปลี่ยนแบบนี้เมื่อตอนที่เราต้องการความเป็นส่วนตัว ต้องการ Focus จริงๆ ถ้าตั้งค้างไว้เลยคนอาจจะคิดว่าเปลี่ยนชื่อเฉย ๆ ไม่ได้เป็นการบอกสถานะอะไร
3. เปิด Social App ต่าง ๆ จาก Browser แทน Application โดยตรง
- เพื่อให้มันเข้ายากขึ้น กว่าจะพิมพ์ username password
- เพื่อไม่ให้เห็น notification badge หลายคนเปิด social บ่อยๆ ไม่ใช่เพราะอยากรู้อยากเห็น แต่เพราะอยาก clear badge
4. ฟัง Suggest List หรือ List of the day Podcast
- ถ้าคุณสังเกตโจ้พยายามพาคุณละสายตาออกจากหน้าจอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากการเล่นเกมแล้ว การดู vdo ดู clip ก็จะดึงเวลาเราไปมากไม่แพ้กัน ลองเปลี่ยนมาเป็นฟังเสียง แล้วสายตายังมองอะไรรอบข้างได้ หยิบจับสิ่งต่าง ๆ
แต่แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นฟัง บางครั้งเราก็ยังอุตส่าห์จะเพลิดเพลินกับการ search หาเพลงนู้นนี้ จัด playlist เปลี่ยนลำดับเพลงเป็น DJ เจอเพลงที่ชอบเอ้างั้น share ไปที่ IG Story ซักหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ไถ Story ไปจนสุดทางเลื่อนไปเรียบร้อย
อยากชวนคุณลองปล่อยให้โปรแกรมเป็นคน autoplay track ต่างๆ รายการต่างๆ ให้ ซึ่งเดี๋ยวนี้หลาย application ฉลาดเรียนรู้พฤติกรรมการฟังของเรา ก็จะทำ suggest list มาให้ นอกจากคุณจะละสายตาและนิ้วออกจากหน้าจอได้แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้รู้จักเพลงใหม่ ๆ ที่คุณอาจจะไม่รู้จักมาก่อนก็ได้
5. พกสมุดขนาด A5 กับปากกาที่เหน็บกับสมุดได้
ไม่ต้องพกเล่มหน้านะคะ เล่มบางๆ ยิ่งดี แบบที่เป็นแม็กเย็บตรงกลาง ที่บางคนจะเรียกว่าแบบมุมหลังคาก็ได้นะคะ ที่จะมีแม็กเย็บตรงกลางประมาณ 1-2 ตัว ที่แนะนำให้เป็นขนาด A5 หรือขนาดเท่า A4 พับครึ่งเพราะเป็นขนาดที่จดสบาย ให้เป็นแบบแม็กเย็บตรงกลางเพราะจะไม่รู้สึกว่าสมุดสองข้างหน้าไม่เท่ากัน แล้วลองตั้งใจกับตัวเองว่าในแต่ละวันจะวาดรูปหรือจดอะไรก็ได้อย่างน้อยวันละครั้ง นึกอะไรไม่ออกเขียนชื่อนามสกุล วาดรูปอะไรเล่นก็ยังดี
ที่จริงแล้วการลงมือเขียนมีประโยชน์มากมายนะคะ โจ้เคยอ่านบทความใน mashable เมื่อหลายปีก่อน มีงานวิจัยสนับสนุนว่าการลงมือจับปากกาจดเป็นลายมือช่วยทำให้คุณมีสมาธิเพราะต้องพยายามเขียนให้อ่านออก ช่วยทำให้คุณ balance สมองทั้ง 2 ฝั่ง เพราะคุณกำลังพยายามถ่ายทอดความนึกคิดบางอย่างออกมาพร้อม ๆ กับการบังคับให้มือวาดออกไปอย่างที่ภาพในหัวของคุณคิดไว้
การพิมพ์ การจด note ใน application อาจจะสะดวกรวดเร็ว แต่เคยสังเกตไหมว่าคุณมักจะจดจำได้ไม่แม่นเท่าการเขียนลงกระดาษ เบอร์โทรศัพท์เพื่อนที่จดลงสมุดโทรศัพท์เล็ก ๆ คุณพอจะนึกภาพออกเลยว่าจดเบอร์เพื่อนคนนี้ไว้แถวไหน
6. เบื่อซะบ้าง มันคงจะมีช่วงเวลาที่เบื่อจริง ๆ รถติดจนไม่รู้จะทำอะไร รอ load file ในตอนเน็ตช้า ลองคลายความเบื่อด้วยการมองสิ่งรอบข้าง สำรวจเนื้อตัว รองเท้า กระเป๋า ทิ้งขยะในกระเป๋าหรือยัง ทิ้งใบเสร็จที่ซื้อข้าวกลางวันมาแล้วหรือยัง ยังมีอะไรให้ทำรอระหว่างนั้นได้อีกมาก ไม่ใช่มีแค่ social อย่างเดียวที่ทำให้คุณหายเหงา หายเบื่อได้
ลองหยิบบางเทคนิคไป ยังไม่ต้องใช้ครบทุกข้อก็ได้นะคะ แล้วลองมาเช็คกันค่ะว่าคุณได้เวลากลับคืนมามากน้อยแค่ไหน อย่างน้อย ๆ ก็ได้เวลากลับมาทักคนตรงหน้าคุณว่าตัดผมทรงใหม่ดูสดใสขึ้นเป็นกอง แว่นตาทรงนี้ไปตัดที่ร้านไหนมานะ ลองคุยกับคนข้าง ๆ ตัวมากขึ้น คุณจะได้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับมาแบบ real-time กันเลยนะคะ