Sasa จะรับมืออย่างไร เมื่อนักท่องเที่ยวลูกค้าหลัก หายไปเกือบหมด ?
Sasa ร้านบิวตี้สโตร์เจ้าดังแห่งฮ่องกง ที่หลายปีที่ผ่านมา เติบโตมากจากนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาช็อปปิ้ง และพักผ่อนวันหยุด ในฮ่องกงและมาเก๊า สองฐานที่มั่นซึ่งสร้างรายได้เข้าบริษัทกว่า 80%
เมื่อโควิดมา การเดินทางชะงัก นักท่องเที่ยววูบเกือบ 100% ยอดขายรวมทั้งบริษัทในหายไปประมาณ 2 ใน 3
(ยังดีที่มีลูกค้าท้องถิ่นในฮ่องกง มาเก๊า และอีกบางประเทศที่ Sasa เข้าไปลงทุนเปิดร้าน ช่วยพยุงเอาไว้บ้าง)
ประธานบริษัทและซีอีโอ ไซมอน กว๊อก กล่าวว่า “ลูกค้าท้องถิ่น (local customers) ตอนนี้กลายเป็นรายได้หลักของบริษัท”
นั่นนำไปสู่การปรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ (product mix) ในร้าน โดยเพิ่มกลุ่มสินค้าที่ช่วยป้องกันโรคระบาด และการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
“การปรับตรงนี้ ช่วยรักษาลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่”
และเพื่อเพิ่มยอดขาย Sasa เน้นไปที่ Social Commerce ซึ่งสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของพนักงานขายหน้าร้านที่มีอยู่ มาเสนอขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้
“เรามีบริการลูกค้าหน้าร้าน มีพนักงานขายอยู่แล้ว Social Commerce จึงมีศักยภาพมากที่จะสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ ในแง่ของ
- house brand sales mix
- gross margin
- basket sizes
เมื่อเปรียบเทียบกับ traditional pure online sales” (ซึ่งขายสินค้าผ่านเวปไซท์ หรือรูปแบบอัตโนมัติ โดยไม่เน้นผ่านคนขาย)
ตั้งแต่ตุลาคมปีก่อน Sasa ได้ทดลอง WeChat mini programe ซึ่งมุ่งเป้าที่ลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเคยมาช็อปที่หน้าร้านในฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งยอดขายผ่านโปรแกรมนี้ ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อเนื่องมาทุกไตรมาส
ในด้านรายจ่าย Sasa ดำเนินมาตรการประหยัดต้นทุน ผ่านการเจรจาลดค่าเช่า และการควบคุมสินค้าคงคลัง ซึ่งลดลงจาก 129 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมี.ค.63 ลงเหลือ 108 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมิ.ย.63
📌source: https://insideretail.asia/…/sasa-sales-plunge-68-per-cent-…/