การปรับตัวของผู้ประกอบการ SMEs ไทย แม้ในปี 2563 ที่ผ่านมาจะเจอพิษโควิด-19 แต่การเชื่อมโยงอุตสาหกรรมก็ยังคงดำเนินต่อได้ โดย “กองพัฒนาผู้ประกอบการไทย” สำานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ รายงานมูลค่าชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยรายเล็กกับบริษัทรายใหญ่ตลอดปี 2563 ที่ผ่านมาว่า มีมูลค่ากว่า 27,000 ล้านบาท แม้ว่ามูลค่าที่เกิดขึ้นจะไม่มากเท่ากับสถานการณ์ปกติ แต่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยสามารถปรับตัวขยายการลงทุนเชื่อมโยงกับผู้ซื้อชิ้นส่วนที่มีฐานแข็งแกร่ง โดยอุตสาหกรรมที่เกิดการเชื่อมโยงส่วนใหญ่อยู่ใน กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก บีโอไอยังคงให้การสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ให้มีโอกาสเชื่อมโยง กับผู้ซื้อและผู้ผลิตรายใหญ่จากทั่วโลก ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดให้ผู้ซื้อพบผู้ขาย การมีตลาดกลางซื้อ ขายชิ้นส่วน การจับคู่ธุรกิจ การจัดสัมมนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ไทย รวมถึง การนำาผู้ประกอบการออกบูธงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการจัดงาน SUBCON Thailand ซึ่งเป็นงานนิทรรศการอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตที่สำาคัญระดับภูมิภาคโดยจัดเป็นประจำาทุกปี โดยปี 2564 นี้ จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ที่ไบเทคบางนา ผลลัพธ์ของการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมทำาให้เกิด Win-Win Situation ทั้งด้านผู้ขาย กล่าวคือ เกิดการยกระดับการผลิตชิ้นส่วนของ SMEs ไทย เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้างให้ประเทศเป็นฐาน ซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ส่วนในด้านผู้ซื้อรายใหญ่ก็ได้ประโยชน์ในด้านช่วยลดต้นทุนโดยไม่จำเป็นต้องลงทุน ทั้งสายการผลิตเพราะสามารถหาซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นงานได้ในประเทศไทย เกิดข้อได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจเพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีซัพพลายเชนไม่แข็งแกร่ง