Listen

Description

เคยสงสัยไหมว่า ในโลกของการลงทุน อะไรคือเกณฑ์ตัดสินมูลค่าของบริษัทหนึ่งกันแน่

คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ “กำไร” และ “การเติบโต”

แต่ถ้าเราลองกางตัวเลขของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในปี 2025 ดู เราจะพบกับความย้อนแย้งที่น่าเหลือเชื่อ จนอาจต้องตั้งคำถามกับตำราเศรษฐศาสตร์ที่เคยเรียนมา

เรื่องราวนี้มีตัวละครเอกอยู่สองฝั่ง

ฝั่งหนึ่งคือ BYD ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่เวลานี้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายมากที่สุดในโลก

อีกฝั่งหนึ่งคือ Tesla ผู้บุกเบิกจากสหรัฐอเมริกา ที่ครั้งหนึ่งเคยไร้คู่ต่อกร

ภาพตัดมาที่ปี 2025 บนกระดานคะแนนยอดขาย BYD กำลังทิ้งห่าง Tesla แบบไม่เห็นฝุ่น ในครึ่งปีแรก BYD ขายรถไปได้ถึง 2.15 ล้านคัน ในขณะที่ Tesla ทำได้เพียง 0.78 ล้านคัน

ถ้ามองทั้งปี 2024 ที่ผ่านมา BYD กวาดไประดับ 4.2 ล้านคัน มากกว่า Tesla ถึง 2 เท่าตัว แถมรายได้รวมของ BYD ก็แซงหน้า Tesla ไปแล้วถึง 26,000 ล้านดอลลาร์

ถ้าดูแค่บรรทัดนี้ ใครๆ ก็คงคิดว่า BYD คือผู้ชนะที่แท้จริง และน่าจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกยานยนต์

แต่ความเป็นจริงกลับตาลปัตร

ในตลาดหุ้น มูลค่าบริษัท หรือ Market Cap ของ Tesla กลับยืนตระหง่านอยู่ที่ระดับ 1.43 ล้านล้านดอลลาร์

ในขณะที่ BYD มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 130 ถึง 150 พันล้านดอลลาร์

ตัวเลขนี้บอกอะไรเรา

มันบอกว่า นักลงทุนให้ค่า Tesla มากกว่า BYD ถึง 7 ถึง 10 เท่า ทั้งที่ขายรถได้น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

มันไม่ใช่แค่เรื่องของความลำเอียง หรือความเชื่อมั่นในตัวบุคคลอย่าง Elon Musk เพียงอย่างเดียว แต่มันคือเรื่องของ “ปรัชญาการทำธุรกิจ” ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ราวกับเป็นคนละศาสนา

วันนี้เราจะมาแกะรอยวิธีคิดของสองมหาอำนาจนี้ ว่าทำไมบริษัทหนึ่งถึงเน้นขายแพงเพื่อเอากำไร ในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งยอมเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อยึดครองโลก และบทสรุปของสงครามครั้งนี้ จะจบลงที่ตรงไหน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

#Tesla #BYD #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #การลงทุน #หุ้นต่างประเทศ #ธุรกิจ #Technology #ElonMusk #ChinaEV #USStock #เศรษฐกิจโลก #รถจีน #ยานยนต์ไฟฟ้า #วิเคราะห์หุ้น #BusinessCase #StartUp #Innovation #FutureOfMobility #geekmonday #geekforeverpodcast