Look for any podcast host, guest or anyone
Showing episodes and shows of

MaXkin Update

Shows

maXkin updatemaXkin updateEp.13 Lush Kitchen Box ไอเดียเดิม เริ่มสูตรใหม่ | maXkin update6 ปีที่แล้ว Lush เปิดตัว ‘Lush Kitchen’ ออกสินค้ารุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด ต่างกันไปในแต่ละวัน ไม่วางหน้าร้าน จำหน่ายทางเวปไซท์ของ Lush เท่านั้น และได้สร้างพื้นที่โชว์รูมของแบรนด์ เพื่อ - ย่อจำลองกระบวนการผลิตของ Lush (ซึ่งไม่เรียกว่าโรงงาน แต่เรียกว่า ‘ห้องครัว’) เผยเบื้องหลังการทำสินค้า - จัดกิจกรรมเวิร์คช็อป (ให้กับแฟนๆ / อินฟลูเอ็นเซอร์ / สื่อต่างๆ) - รวมทั้งเป็นที่ผลิตสินค้ารุ่นพิเศษประจำวันด้วย แนวคิดคือการสร้างสัมพันธ์กับฐานแฟนของ Lush ให้แน่นแฟ้น สดใหม่ มีสีสัน อยู่เสมอ และทดสอบตลาด ไอเดียสินค้าใหม่ๆ ไปพร้อมกัน เป็นข้อต่อสำคัญคั่นกลาง ระหว่างการวิจัยและพัฒนาสูตรและไอเดีย กับการผลิตจริงเพื่อวางจำหน่ายทั่วไป ทว่า Lush Kitchen ได้ยุติไปในปี 2017 ก่อนจะกลับมาเปิดตัวอีกครั้ง เมื่อกลางปี 2020 ในรูปแบบของกล่องสมาชิกรายเดือน (subscription box) . ภายใน Lush Kitchen Box บรรจุ exclusive products 4-5 ชิ้น โดยสมาชิกจะโหวตเลือกจากเมนูประจำเดือน และมีสินค้าเซอร์ไพรส์อีก 1-2 ชิ้น ที่ Lush เลือกให้ ปฏิทินประจำเดือน เริ่มจากทุกวันที่ 24 จะเปิดเมนูเดือนต่อไป / ปิดโหวตวันที่ 5 / วันที่ 6 ตัดเงิน / วันที่ 9 เริ่มผลิต / สิ้นเดือนส่งของ ลูกค้าที่สนใจ สมัครสมาชิก Lush Kitchen Box ได้ที่เวปไซท์ของ Lush โดยคิดราคา 35 ปอนด์ต่อเดือน ส่งฟรีสำหรับในประเทศอังกฤษ แต่สั่งได้ทั่วโลก โดยบวกค่าส่งเพิ่ม ตามอัตราที่กำหนด . Lush เลือกกลไกการโหวต เป็นหลักในการเลือกผลิตภัณฑ์ประจำเดือน น่าจะเป็นเพราะ (1) ได้ข้อมูลความคิดเห็นของลูกค้าทันที โดยยังไม่ต้องผลิตสินค้า (2) ลูกค้าก็รู้สึกว่าได้เลือก ได้มีส่วนร่วม (participate) โดยที่ก็อาจไม่ได้สินค้าตามที่ตัวเองเลือกเลย แต่ยอมรับกติกา (3) ทาง Lush ก็ประหยัดทรัพยากรที่สุด เพราะไม่ต้องทำสินค้าแตกต่างหลากหลายไปตามแต่ละคน (ไม่ต้อง personalize) ทุกคนได้เหมือนกัน แต่ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด (ก็ให้โหวตมาแล้วไง) (4) เวลาแต่ละคนโหวตเสร็จ ก็ให้คนอยากแชร์การโหวตของตัวเอง เผื่อจะ อยากชักจูงให้คนมาโหวตตามกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ .. แต่ที่เกิดขึ้นแน่ถ้าแชร์ คือการสื่อสารการตลาดให้ Lush . การเปิดตัว Kitchen Box เกิดขึ้นหลังจาก Lush ตัดสินใจยุติสินค้า 150 รายการ (ซึ่งมีทั้ง bath bombs เมคอัพ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และ ดูแล เส้นผม) เพื่อโฟกัสให้เกิดผลประกอบการที่ดีขึ้น ด้วยสินค้าที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม Lush กล่าวว่า Kitchen Box จะมีสินค้ายอดนิยมในอดีตบาง ตัว มาร่วมให้โหวตในเมนูประจำเดือนด้วย ซึ่งถ้าคะแนนมากพอก็จะกลับมา ผลิตใหม่ . นอกจากสินค้าในกล่องประจำเดือนแล้ว ผู้สมัครจะกลายมาเป็นสมาชิกของ ชุมชน Lush Kitchen มีสิทธิพิเศษเข้าถึงโลกของ Lush (ซึ่งรายละเอียดจะ เผยต่อไป) ในหน้าสมัครสมาชิกในเวป อธิบายไว้ว่า Lush Kitchen Box จะโยงเข้ากับ Lush Labs (แพล็ทฟอร์มเชิงทดลอง เพื่อสร้างชุมชนออนไลน์ของ Lush) . “ผมรักที่จะสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแรง และการพูดคุยกันในชุมชน ออนไลน์ของ Lush” Jack Constantine ลูกชายผู้ก่อตั้ง และ Lush Chief Digital Officer กล่าว “มันน่าตื่นเต้นมาก ที่จะได้ฟังเสียงของชุมชน ตอบสนองความคิดเห็นของ ชุมชน และได้สร้างสินค้าที่ลูกค้ารัก ไม่ว่าจะเป็นไอเดียใหม่เอี่ยม หรือสินค้า คลาสสิคพลิกมุมใหม่ ...” “และ Lush Kitchen Box เป็นวิธีที่เพอร์เฟ็ค ในการทำเช่นนั้น”2020-10-1922 minmaXkin updatemaXkin updateEp.12 ซีอีโอคนใหม่ของ Sephora | maXkin updateกลางเดือนที่ผ่านมา (14 ก.ย.) Sephora ได้ซีอีโอคนใหม่ Martin Brok มาแทนที่ซีอีโอคนเดิม ที่อยู่ในตำแหน่งมาเกือบสิบปีอย่าง Chris De Lapuente . Martin Brok อายุ 53 ปี เป็นคนดัตช์ พูดได้ 5 ภาษา (อังกฤษ ดัตช์ เยอรมัน โปรตุเกส และแอฟริกัน) ผ่านการทำงานกับ Global Company (อย่าง Coca-Cola, Burger King, Nike, Starbucks) ในหลายทวีป โดยเฉพาะในยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกา เขาเริ่มงานที่ Coca-Cola จากงานดูแลลูกค้า (account executive) ในพื้นที่ จนขึ้นผู้จัดการเขต จากนั้นไปดูแลลูกค้าเบอร์เกอร์คิง เริ่มจากในอเมริกา ไปเอเชียแปซิฟิก และ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมอายุงาน 12 ปี 6 เดือน ผลงานคงเข้าตาลูกค้าที่เขาดูแล เพราะ Burger King ดึงตัวเขาไปร่วมงาน ดูแลด้านแฟรนไชส์ ในยุโรปและตะวันออกกลาง (รวม 5 ปี 10 เดือน) จากนั้นย้ายไป Nike (8 ปี 5 เดือน) ดูแล Nike Store ทั่วโลก ต่อด้วย Direct to Consumer ตำแหน่งสุดท้ายคือ VP Global Product and Merchandising Operations and Analytics งานสุดท้าย ก่อนมา Sephora คือ Starbucks (4 ปี 6เดือน) ในตำแหน่ง president of Europe, the Middle East and Africa (EMEA) . “Brok มีพื้นเพคล้ายคลึงกับผม เขาเติบโตในเนเธอแลนด์ แต่ใช้ชีวิตใน 10 ประเทศ พูดได้ 5 ภาษา เป็นคนนานาชาติจริงๆ (very international)” de Lapuente ซีอีโอคนก่อน ผู้เลือก Brok กล่าวกับ WWD สื่อในวงการแฟชั่นและความงาม “เขาเป็นผู้นำที่สมดุลมาก (very balanced leader) มีผลงานยอดเยี่ยม ทั้งในแง่ธุรกิจ ผู้คน และการพัฒนาองค์กร” Brok มีคุณสมบัติครบ ตาม Sephora culture: แรงปรารถนาต่อชัยชนะ สร้างและฟูมฟักผู้คน อยากรู้ อยากเห็น เรียนรู้ เติบโต อยู่เสมอ มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง อ้าแขนรับ omnichannel ที่สำคัญ เขามี ‘แพชชั่นในธุรกิจรีเทล’ Chris de Lapuente ซีอีโอที่ลงจากตำแหน่ง เกิดปี 1962 ที่อังกฤษ จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบัคกิ้งแฮม เขาเริ่มงานกับ P&G (Procter & Gamble) ในปี 1983 และอยู่ต่อเนื่องยาวนาน 27 ปี (จนมารับตำแหน่ง CEO ที่ Sephora) เขาผ่านประสบการณ์ทำงานในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สเปน ตุรกี เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ ปี 2004 ในวัย 42 ได้ขึ้นตำแหน่งประธาน ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ P&G (ดูแล Hair Care division) ตั้งแต่ปี 2007 เขาเป็น 1 ใน 8 Group President โดยดูแลกลุ่มธุรกิจ Global Hair Care ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน P&G ปี 2011 เขาเข้าร่วมกับ LVMH ในฐานะซีอีโอของ Sephora และ คณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ของ LVMH ปี 2015 เขาได้ขึ้นเป็น head of all LVMH Perfumes & Cosmetics brands (ยกเว้นแค่ Parfums Christian Dior) ปี2020 แม้เขาจะไม่ได้เปนซีอีโอแล้ว แต่ยังดูแล Sephora ต่อไป “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Sephora ได้โตขึ้น 3 เท่า ทั้งยอดขายและผลกำไร” de Lapuente กล่าว แม้จะไม่ยอมเผยตัวเลข แต่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมประเมินว่ายอดขาย Sephora ในปี 2019 น่าจะใกล้ๆ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ Bernard Arnault ประมุขแห่งเครือ LVMH (เจ้าของ Sephora) ขอบคุณ de Lapuente ที่ช่วยสร้าง Sephora ให้เป็น ‘หนึ่งในแบรนด์ค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ซึ่งมีวัฒนธรรมไม่เหมือนใคร และองค์กรที่แข็งแกร่ง’ “ภายใต้การนำของเขา Sephora ได้ผงาดขึ้นเป็น ‘ค้าปลีกความงามระดับโลกที่แท้ทรู เพียงหนึ่งเดียว’ (the only truly global beauty retailer) และสถาปนาตนเองเป็น ‘ผู้นำนวัตกรรมแห่งวงการ’ (industry’s foremost innovator)” . "หลักไมล์นี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้ทบทวนว่าเราอยู่ตรงจุดไหนแล้ว” 2-3 ปีหลังมานี้ de Lapuente ได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการอื่นในเครือ LVMH นอกเหนือจาก Sephora ด้วย เช่น ห้างสรรพสินค้า Le Bon Marché และอีกหลายแบรนด์ในแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง 2020-10-1920 minmaXkin updatemaXkin updateEp.11 เมื่อ Addison Rae ออกเครื่องสำอาง จะค้างฟ้า รึวาบวับ | maXkin updateต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา TikTok Superstar ที่มีผู้ติดตามกว่า 52 ล้านคน อย่าง Addison Rae (เป็นรองก็แต่ Charli D’Amelio 76 ล้าน) ได้ลอนช์ ITEM Beauty แบรนด์เครื่องสำอางของเธอ ซึ่งได้ร่วมกันสร้างขึ้น กับ Madeby Collective แผนกบ่มเพาะแบรนด์ (Beauty Brand Incubator) ของ IPSY IPSY เป็น beauty subscription service ก่อตั้งในปี 2011 โดย Michelle Phan บิวตี้วล็อกเกอร์ชื่อดังยุคแรกๆ ร่วมกับ Marcelo Camberos และ Jennifer Goldfarb มีสมาชิกในระบบกว่า 25 ล้านคน มีคนสมัครโปรแกรมรายเดือน Glam Bag ประมาณ 3 ล้านคน และมีรีวิวสินค้ากว่า 160 ล้านรีวิว. Madeby Collective มีหลักการพัฒนาสินค้า 2 ข้อ (1) สร้างสินค้า ที่ชุมชน (กลุ่มลูกค้า) ต้องการ แต่ของที่มีอยู่แล้วในตลาด ยังไม่ตอบโจทย์ (2) พาร์ทเนอร์กับ ‘บุคคล’ ที่โดดเด่น มีฐานแฟน เพื่อให้เจอความต้องการที่ยังไม่ถูกตอบสนอง จะใช้ทั้งข้อมูลที่มีในมือ (IPSY data) และการสำรวจภายนอก (social media mining) .สิ่งหนึ่งที่ถูกค้นพบ คือ Gen Z ต้องการ ‘clean beauty’ (Gen Z คือคนที่เกิดประมาณช่วงปี 1995 - 2010 อายุ 10-25 ปี) เมื่อเล็งหาคนที่จะพาร์ทเนอร์ด้วย ก็พบว่า Addison Rae นั้นเหมาะเผง จึงทาบทามเธอไปเมื่อต้นปี เธอตอบตกลง “ผู้ติดตามจำนวนมากของฉันคือ Gen Z เป็นวัยรุ่น ชั้นไฮสกูล และ มหาวิทยาลัย” Rae เล่า “พวกเธอชอบแต่งหน้า ชอบเครื่องสำอาง แต่ต้องเป็นธรรมชาติ ไม่ปิดปังตัวตน” Item Beauty กำหนดแนวทางผลิตภัณฑ์ให้เป็น vegan และ cruelty-free ปราศจาก parabens, phthalates, talc หรือ mineral oil ซึ่งเป็นคุณสมบัติจำเป็น ที่ Madeby Collective วิจัยพบว่า ผู้บริโภค Gen Z ต้องการ และเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่ Rae เอง ก็ต้องการด้วย “Clean beauty เป็นสิ่งที่ฉันให้คุณค่า และเสาะหาอย่างจริงจัง เวลาเลือกผลิตภัณฑ์ความงาม” Rae ผู้ก่อตั้งและมีตำแหน่ง Chief Innovation Officer ของ Item Beauty กล่าว “พอได้ทำ Item Beauty ฉันสร้างในสิ่งที่ฉันเชื่อจริงๆ". สินค้าของ Item Beauty เปิดตัวด้วยเมคอัพ 6 รายการ Lash Snack, Lip Quip, Brow Chow, Cheek Money, Powder Hour และ Lid Glaze ตั้งราคา 12-22 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 400 - 700 บาท) เริ่มจำหน่ายทางเวป itembeauty.com ตั้งแต่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา และบรรจุเป็นสินค้าทดลองใน Glam Bag โปรแกรมสมาชิกรายเดือนของ IPSY เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ Katie Groody นักวิจัยธุรกิจความงาม แห่งบริษัทวิจัยตลาด Gartner for Marketers เชื่อว่า .. แบรนด์สินค้าของบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ หากต้องการอยู่ยง ต้องขยายการตลาดให้กว้างและไกลกว่าแค่โซเชียลมีเดีย “ไม่ว่าอินฟลูเอนเซอร์คนนั้นจะทำเอง หรือมี brand incubator หนุนหลัง ความฮือฮาตอนเปิดตัว จะขึ้นตรงกับระดับพลังบนแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียของพวกเธอ .. ส่วนจะ ‘ยืนระยะ’ ได้ไหม ก็เป็นอีกเรื่อง” https://web.facebook.com/maXkinupdate2020-10-1918 minmaXkin updatemaXkin updateEp.10 Kao vs Plastic: จาก refill จะเป็นอะไรได้อีก? | maXkin updateเร็วๆนี้ คาโอ (Kao) ยักษ์ใหญ่ด้าน Consumer & beauty product ของญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์คาโอ, บีโอเร, คาเนโบ, คิวเรล, เจอร์เก้น ฯลฯ ได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ที่เคลมว่าลดใช้พลาสติกลง 50% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 80% (จากขั้นตอนการผลิต และรีไซเคิล รวมกัน) Raku-raku Switch ที่คาโอเปิดตัว ไม่ใช่ของใหม่เอี่ยม แต่เป็นพัฒนาการอีกขั้น ของความพยายามอย่างต่อเนื่อง ที่คาโอทำมาตั้งแต่ปี 2016 ภายใต้กรอบ Raku-raku . Raku-raku แปลว่า ‘ง่ายๆ สบายๆ’ คาโออยากให้ความยั่งยืน เป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัว งั้นอะไรบ้างที่ใกล้ตัวลูกค้า ก็ ‘บรรจุภัณฑ์’ ไง แล้วจะทำยังไงได้บ้างล่ะ - 1 - คำตอบแรก เกิดขึ้นเมื่อปี 1991 เมื่อคาโอออกสินค้าชนิดเติม (refill) ลดการสิ้นเปลืองบรรจุภัณฑ์ และลดขยะไปพร้อมกัน เริ่มจากแชมพู และน้ำยาซักผ้า จน ณ สิ้นปี 2019 คาโอมีสินค้ารีฟิลทั้งสิ้น 326 ชนิด - 2 - pain point ของรีฟิล คือ ‘เปิดยาก หกง่าย’ ใช้สมาธิในการเติมสูง ปี 2016 รีฟิลของคาโอมีอายุครบ 25 ปี คาโออยากแก้ pain point นั้น ทำอย่างไรให้รีฟิล ‘เปิดง่าย เทง่าย ไม่หก’ คำตอบที่ได้คือ Raku-raku Eco Pack Refill บรรจุภัณฑ์รีฟิลที่ออกแบบใหม่ มีฝาหมุนเปิด เวลาเทเติมก็จะพอดีกับขวด แถมมีวิธีพับและรีดเนื้อผลิตภัณฑ์ให้แทบไม่เหลือตกค้างเลย - 3 - แต่คาโอ คิดไปไกลกว่าให้เป็นแค่ซองรีฟิล เพราะถ้าเอาซองแบบใหม่นี้ ประกอบกับ Smart holder สิ่งประดิษฐ์ใหม่ในปี 2017 ที่ช่วยให้ซองรีฟิลนิ่มๆเผละๆวางตั้งได้ และมีหัวกดปั๊ม หมุนสวมกับซองได้เลย ซองรีฟิลก็จะไม่ต้องไปเติมใครอีก ตัวเองกลายเป็นสินค้าได้สมบูรณ์ ‘แทนที่’ แบบเดิมได้เลย - 4 - 2020 เม.ย. พัฒนาอีกขั้น ตัดโครงพลาสติกไป ออกแบบให้เติมลมลงในชั้นของซองฟิล์มนิ่ม (เหมือนเราเป่าลมใส่ชูชีพ หรือแพยาง) จนเกิดเป็นโครงสร้างแข็ง ตั้งได้ เหลือแค่หัวปั๊มพลาสติก ที่ยังคงไว้ และใช้ซ้ำเวลาเปลี่ยนซองเติม (คลิป: https://www.kao.com/.../recyclable-package/film-bottle/) - 5 - เป็นไปได้ไหม ที่ไม่ต้องมีท่อพลาสติกภายในหัวปั๊ม และแก้ pain point ของเนื้อสารที่ตกค้างตามก้นขวด ซอกขวด คำตอบคือ “กลับด้าน” สิ ทำไมขวดต้องวางตั้ง และหัวปั๊มอยู่ด้านบน มีท่อลงมาดูดเนื้อสารจากก้นขวด กลับเอาหัวอยู่ล่าง เนื้อผลิตภัณฑ์อยู่ด้านบน เหมือนซอสมะเขือเทศ ขวดบีบ ฝาล่าง ตู้กดน้ำ ที่เอาถังคว่ำด้านบน หรือ ที่กดสบู่แชมพูติดผนัง เค้าก็ทำแบบนี้กันมานานแล้วนะ . Raku-raku Switch เป็นหัวที่มีปุ่มกด ใช้แทนหัวปั๊มแบบเดิม (standard pump dispenser) และใช้ร่วมกับ Raku-raku Eco Pack Refill ทว่าพอกลับด้านเอาหัวกดอยู่ล่าง ต้องมีที่แขวน จึงอาจเหมาะกับบางสินค้า และบางสถานที่ใช้งาน สินค้าตัวแรกที่จะเอาไปใช้คือ Bioré u The Body - Body Lotion for Wet Skin กะให้ทาในห้องน้ำหลังอาบน้ำเลย กำหนดวางตลาด 19 ก.ย. นี้ 2020-09-2520 minmaXkin updatemaXkin updateEp.9 เกาหลีใต้ปรับปรุงกฎหมาย อินฟลูเอนเซอร์ต้องเปิดเผยชัดเจน หากรับงานโฆษณา | maXkin updateมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น เมื่อสังคมเกาหลีใต้ไม่พอใจต่อพฤติกรรมสีเทาของบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ที่เรียกว่า ‘backdoor online advertising’ คือ ‘ไม่บอก’ หรือ ‘แอบบอก’ ว่าคอนเทนท์ที่ทำนั้น “รับเงินโฆษณา” รูปแบบยอดนิยมคือ ‘รีวิวปลอม’ (pseudo reviews) เนียนว่าซื้อของเอง มาใช้เอง แต่ที่จริงถูกจ้าง คณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม (The Fair Trade Commission : FTC) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังการผูกขาดทางการค้าและคุ้มครองผู้บริโภคของเกาหลีใต้ กล่าวว่า แนวทางการโฆษณาสำหรับโซเชียลมีเดีย (advertising guidelines for social-media platforms) ได้ถูกแก้ไขปรับปรุงแล้ว และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2563 กฎใหม่ บังคับให้อินฟลูเอนเซอร์ บนแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น YouTube หรือ Instagram จะต้องประกาศชัดว่า สินค้าที่พวกเขาสนับสนุน (product endorsements) นั้น ‘ได้รับเงิน’ เพื่อทำคอนเทนท์ หรือ ‘ได้สินค้ามาฟรี’ หรือ ‘ได้ส่วนลดพิเศษ’ ห้ามใช้คำกำกวม ไม่ชัดเจน เช่น ‘ขอบคุณ (ชื่อสินค้า)’ หรือ ‘ใช้มาแล้วหนึ่งสัปดาห์’ หรือ ‘เป็นกลุ่มรีวิวสินค้า’ YouTube หรือแพลทฟอร์มวีดีโอ: ต้องระบุให้ชัด ตรงชื่อ หรือตอนเริ่ม หรือตอนจบ ของวีดีโอนั้น และต้องแจ้งผู้ชมซ้ำๆ เป็นระยะ เพื่อให้ผู้ชมที่ดูแค่บางส่วน ก็ยังรู้ว่า คลิปนี้รับเงินโฆษณา Instagram: ต้องระบุในรูปภาพเลย ไม่ใช่แค่แฮชแท็ก หรือในคอมเมนท์ การเขียนรีวิว (ในบล็อก หรือที่ใดใด): ต้องระบุให้ชัด ตั้งแต่ตอนเริ่ม หรือตอนจบ (ตรงที่มองผ่านได้ยาก) ต้องเขียนให้แยกออกจากตัวเนื้อหาอย่างชัดเจน และใช้ฟอนท์ที่อ่านง่าย หน่วยงานกำกับดูแลของเกาหลีใต้ กล่าวว่าจะเริ่มตรวจจับและ ลงโทษ หลังประกาศได้ถูกสื่อสารและทำความเข้าใจกันอย่างชัดเจน ผู้ฝ่าฝืน ทั้งอินฟลูเอนเซอร์ และบริษัทผู้ว่าจ้างโฆษณา จะถูกปรับไม่เกิน 2% ของยอดขายและรายรับที่เกี่ยวเนื่อง หรือไม่เกิน 422,000 เหรียญสหรัฐ . ปีที่แล้ว FTC เริ่มจัดการบริษัทที่จ้าง influencer รีวิวสินค้า แล้วไม่ระบุให้ชัด เป็นครั้งแรก โดยตรวจพบ และได้ลงโทษ Dyson Korea, LG Household & Health Care, Amorepacific, L’Oreal Korea และ LVMH Cosmetics ที่ไม่แจ้งผู้บริโภคให้ชัดในคอนเทนท์ ว่าบริษัทเป็นผู้จ้างรีวิว ทั้งด้วยเงิน หรือด้วยการให้สินค้าฟรี Korea Consumer Agency ได้สำรวจโพสท์เชิงพาณิชย์ของบรรดา Influencer ที่มีผู้ตามเยอะๆ จำนวน 582 โพสท์ พบว่ามีเพียง 174 โพสท์ที่เปิดเผยว่าเป็นโฆษณา และใน 174 โพสท์นั้น หลายโพสท์ระบุแบบแอบๆหลบๆ เช่น ใต้โพสท์ ทำให้ยากต่อการสังเกตุว่าเป็นคอนเทนท์ที่รับเงินโฆษณามา .sources: https://insideretail.asia/.../south-korean-kols-banned.../ http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200623000758 https://pulsenews.co.kr/view.php?year=2020&no=646700 https://technology.inquirer.net/.../stronger-ad-rules... Picture Credit: campaignasia.com2020-09-2514 minmaXkin updatemaXkin updateEp.8 ‘Try On’ ทำงานยังไง จากไอเดียดลใจ จนไปกดซื้อ | maXkin updateการค้นหา (หรือกลั่นกรอง) ด้วยโทนสีผิวของ Pinterest ที่ maXkin update เล่าถึงในตอนที่แล้ว เป็นเพียงภาคแรกของเรื่องทั้งหมด มันถูกผนวกเข้ากับ ‘Try On’ ฟีเจอร์ Augmented Reality (AR) ที่ช่วยให้ผู้ใช้ ค้นหาลิปสติกสีที่ใช่ ผ่านการทดลองทาเสมือนจริง บนรูปที่ผู้ใช้ถ่ายป้อนเข้าไป (ปัจจุบันฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะในอเมริกา แต่อีกไม่กี่เดือนจะเปิดในอังกฤษ) เบื้องหลังกลไกของ Try On ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ซึ่ง Pinterest พึ่งพาการร่วมมือกับ ModiFace บริษัทบิวตี้เทค ซึ่งเชี่ยวชาญทั้ง AR และ AI ที่ได้สร้างแอพทดลองสินค้าเมคอัพ ให้กับบิวตี้แบรนด์ชั้นนำของโลกมากมาย แต่การจะสรรหาสีสันลิปสติก มาให้ผู้ใช้ได้ทดลองจับคู่กับโทนสีผิวหน้า และพ้องกับรสนิยมความงามของตน คือการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ (อาทิ Estée Lauder, Sephora, bareMinerals, Neutrogena, NYX Professional Makeup, YSL Beauté, Lancôme, Urban Decay เป็นต้น) แต่ละเฉดที่มีให้ลอง ไม่ได้เริ่มจากจิตนาการ ทว่ามาจากสินค้าจริง ที่พร้อมจะให้กดลิงค์ไปสั่งซื้อ นึกภาพเรา เดินเข้าร้านเครื่องสำอาง ที่ Pinterest ได้ไปติดต่อ ลิปสติกแบรนด์ต่างๆ จนได้มากยี่ห้อ หลายรุ่น กว่า 9,000 เฉดสี แค่ไม่ได้เอามาวางเรียงโชว์ แต่ซ่อนไว้ในลิ้นชัก ค่อยเลือกมานำเสนอ ตอนเราอยากลอง ในห้องส่วนตัว ที่จัดไว้ให้เฉพาะ หน้าเราบนหน้าจอ เหมือนส่องกระจก พอจะลองทาลิปสติก พนักงานร้าน Pinterest ช่วยคัดให้ เฉพาะที่ใกล้ กับโทนสีผิวหน้าเรา และน่าจะใช่ กับที่เราชอบ เมื่อเจอที่ใช่ จะปักหมุดไว้ก่อน ดูสินค้าใกล้เคียง หรือกดซื้อเลย ก็ได้ทั้งนั้น . . sources: https://cosmeticsbusiness.com/.../Pinterest_ramps.../162125 https://newsroom.pinterest.com/.../pinterests-new-ar-tech... https://techcrunch.com/.../pinterest-launches-virtual.../ https://modiface.com2020-09-2512 minmaXkin updatemaXkin updateEp.7 Pinterest ตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างไร ให้ตรงใจ ใช่ผิวเรา | maXkin update‘70% ใช้ pinterest ค้นหา looks & styles’ Pinterest พบพฤติกรรมนี้จากการสำรวจผู้ใช้ ยังพบอีก ว่าในการค้นหาเกี่ยวกับเรื่องความงาม (หนึ่งในหมวดที่ถูกค้นเยอะสุด) ... ผลการค้นหา “ไม่ค่อยตรง” โทนสีผิวหน้าของผู้ใช้ (และพบว่า ‘ผิวขาว’ จะถูกแสดงผล (ค้นเจอ) มากเป็นพิเศษ) “Pinterest เป็นเสมือนแหล่งแรงบันดาลใจ” Annie Ta หัวหน้าฝ่าย Inclusive Product เล่า “แต่ถ้าเราไม่รู้สึกเชื่อมโยง ไม่เจอผิวแบบเรา เราจะถูกบันดาลใจได้ อย่างไรเล่า?” Pinterest คืออะไร? บางคนว่าเป็น Social Media ตัวหนึ่ง บางคนใช้เป็นที่เซฟรูปในเรื่องที่ตัวเองสนใจ บนโลกออนไลน์ ถ้าถามผู้ก่อตั้ง หรือทีมงานของ Pinterest จะได้คีย์เวิร์ดว่า ‘Visual Discovery’ จริงๆชื่อของ Pinterest ก็แนะนำตัวเองไว้ดี ว่า = Pin + Interest ให้เราปักหมุด ‘รูป’ ในเรื่องที่เราสนใจ แยกเป็นหมวดหมู่ เก็บไว้ดูเอง แชร์คนอื่น ดูของคนอื่น ส่วนใหญ่ผู้ใช้เป็นผู้หญิง เข้ามาเพื่อค้นหาไอเดียและแรงบันดาลใจ ทำกับข้าว แต่งบ้าน แต่งตัว แต่งหน้า ปัจจุบัน Pinterest มีผู้ใช้รายเดือน (monthly active user) ราว 400 ล้านคน บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คไปเมื่อปี 2019 . เพื่อให้ผลการค้นหาในหมวดความงาม ตรงขึ้น Pinterest จึงสร้าง ‘Skin Tone Filter’ เครื่องมือที่ให้ผู้ใช้เลือกโทนสีผิวที่ใกล้เคียงที่สุด กรองผิวที่ไม่ใช่เราออกไป เริ่มทดลองปี 2018 เปิดใช้จริงปี 2019 และออกเวอร์ชั่นอัพเกรดล่าสุด ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในช่วงแรก เจอปัญหาทางเทคนิค คือ แสง เงา และปัจจัยอื่นๆ มีผลต่อความมืดความสว่างของผิว ทำให้การอ่านค่าโทนสีผิวคลาดเคลื่อน เพื่อแก้ปัญหา .. Pinterest ได้ร่วมมือกับ ModiFace บิวตี้แอพที่ทำงานด้วย machine learning และมีคลังภาพผิวหน้า ที่เหมาะสำหรับการใช้งานของปัญญา ประดิษฐ์ (ai) เพื่อให้การจำแนกโทนสีผิวของคนในภาพ ถูกต้องแม่นยำขึ้น ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ เทคโนโลยีตรวจจับโทนสีผิวถูกปรับปรุงให้ละเอียดขึ้น 3 เท่า และขยายการให้บริการ Skin Tone Filter ครอบคลุมหลายประเทศขึ้น อังกฤษ แคนาดา ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ (เดิมแค่ อเมริกา) ยังไม่ถึงประเทศไทย Pinterest ให้คำมั่นว่าจะไม่เก็บข้อมูลผิวที่เราค้นหา และไม่ยิง ad เข้ามา “Skin tone เป็นแค่จุดเริ่มต้นในการพัฒนาผลการค้นหาให้ดีขึ้น แม่นขึ้น ตรงกับผู้ใช้ที่แตกต่างหลากหลาย” Laksh Bhasin วิศวกร ซึ่งทำงานในทีม search quality ของ Pinterest กล่าว ด้วยการปรับปรุงเหล่านี้ Pinterest หวังเป็น ‘ที่ในการค้นหาและ ช็อปไอเดียความงาม สำหรับทุกคน’ ยิ่งๆขึ้นไป (more inclusive place to discover and shop for beauty ideas) .sources: https://newsroom.pinterest.com/.../introducing-more... https://www.teenvogue.com/.../pinterest-beauty-skin-tone... https://www.theverge.com/.../pinterest-skin-tone-search... https://cosmeticsbusiness.com/.../Pinterest.../168858 https://modiface.com2020-09-2512 minmaXkin updatemaXkin updateEp.6 เมื่อ Glossybox บิวตี้บ็อกซ์แบบสมาชิก ออกสินค้าของตัวเอง | maXkin update12 สิงหาคมที่ผ่านมา Glossybox แบรนด์ beauty box subscription เบอร์หนึ่งของยุโรป ได้เปิดตัวสินค้าสกินแคร์ภายใต้แบรนด์ตัวเอง (own-brand) เป็นครั้งแรก Glossybox ซึ่งกำลังจะมีอายุครบ 10 ปี ในปีหน้า ก่อตั้งในปี 2011 ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดย Charles von Abercro หนุนหลังโดย Rocket Internet (start up studio สัญชาติเยอรมัน ผู้ปั้นสตาร์ทอัพขายเป็นอาชีพ หนึ่งในนั้นคือ Lazada) ที่ผ่านมา Glossybox ร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ เพื่อนำเสนอสินค้าคัดสรรรายเดือนที่ส่งตรงสู่สมาชิก สมาชิกจะจ่ายรายเดือนแลกกับสินค้าที่ยังไม่รู้ชัดว่าจะเป็นอะไร (แต่พอรู้ว่าอย่างน้อย 5 ชิ้น รวมมูลค่าขั้นต่ำประมาณ 3 เท่าของเงินที่จ่ายไป) ... ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าของแบรนด์ต่างๆ ก็นำเสนอสินค้าให้สมาชิกทดลอง และจะได้ feedback จากผู้ใช้จริง นอกจากการสมัครสมาชิกให้ตัวเอง (ซึ่งเป็นรูปแบบหลักของ Glossybox) ก็ยังมีการสมัครให้คนอื่น (gift) และ การสร้างกล่องพิเศษ (Limited Edition) เพื่อขยายรายได้ ต่อยอดจากฐานเดิมที่มีอยู่ ใครที่เข้าถึงลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าปลีก (Boots Watsons Sephora), คนดัง (Kylie Jenner), นักวิจารณ์เครื่องสำอาง (Paula Beaguan), หรือ beauty vlogger (Michelle Phan) คงอดคิดไม่ได้ว่า .. ถ้าเราขายของให้คนอื่นได้ขนาดนี้ ทำไมเราไม่ทำของเราเองขึ้นมาขายล่ะ? Glossybox ก็คงคิดเช่นนั้น . “เราเชื่อว่าสกินแคร์ควรจะเรียบง่าย ได้ผล และราคาไม่แพง (easy, effective and affordable)” คำถาม: จะสร้างสินค้าสำคัญและจำเป็น (essential products) ตามความต้องการของลูกค้า ขึ้นมาได้อย่างไร? คำตอบ: ใช้ข้อมูลที่เก็บสะสมมาออกแบบสินค้า แล้วทดสอบโดยสมาชิกของ Glossybox ให้ได้ feedback และนำไปปรับปรุงและพัฒนาสินค้า ฟีเจอร์ที่วางไว้ ก็น่าจะตรงตามมาตรฐานสินค้าดี ที่ลูกค้าคาดหวัง เช่น - Considered Ingredient: พิจารณาคัดเลือกส่วนผสมหลักอย่างละเอียดถี่ถ้วนมีทั้งเบสิคและที่ตลาดอาจไม่ คุ้น - No-nonsense product names: ตั้งชื่อให้ตรงไปตรงมา (“ถ้ามันคือคลีนเซอร์เราก็จะเรียกมันว่าคลีนเซอร์!”) - Transparency: ส่วนผสมหลักนำเสนอชัดเจนบนด้านหน้าบรรจุภัณฑ์โปร่งใสต่อผู้บริโภค - Vegan: เป็นมิตรกับวีแกน ปลอดพาราเบน ไม่มีส่วนผสมอันตราย - Crueltyfree: มาตรฐานสัญลักษณ์รูปกระต่ายยืนยันกว่าทุกกระบวนการปราศจากการทารุณสัตว์ น่าสนใจคือ Glossybox เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากอ้อย (sugarcane packaging จากกากอ้อยที่เหลือทิ้งจากโรงงานน้ำตาล) ซึ่งในสินค้าที่ไม่สามารถใช้บรรจุภัณฑ์จากอ้อยนี้ได้ ก็จะใช้พลาสติกรีไซเคิลแทน สินค้าชุดแรก 10 ตัว ประกอบด้วย คลีนเซอร์ 4 ตัว (เจล, ชาโคล, โฟม, ครีม) ผลัดผิว (exfoliator) มอยส์เจอไรเซอร์ 2 ตัว อายครีม ไนท์ครีม และมิสท์ โดยคุมบรรจุภัณฑ์ทุกตัวให้ออกมาในทิศทางเดียวกัน คือภายใต้โทนสีชมพูพาสเทล อันเป็นสีหลักของ Glossybox วางราคาที่ 20-28$ สั่งซื้อได้ทันทีไม่ผูกติดกับระบบกล่องรายเดือน และให้ส่วนลดพิเศษ 20% กับสมาชิก . หากจะมองให้ครบ ต้องไม่ลืมว่า Glossybox ถูกขายเปลี่ยนมือจาก Rocket Internet มาสู่ The Hut Group เมื่อสามปีก่อน ในปี 2017 The Hut Group (THG) เป็นยักษ์ใหญ่ด้าน e-commerce ในอังกฤษ และหลายปีที่ผ่านมา ทยอยไล่ซื้อกิจการทางด้านความงาม เช่น lookfantastic เวปค้าปลีกสินค้าบิวตี้อันดับหนึ่งของยุโรป หรือแบรนด์อังกฤษอย่าง ESPA หรือ Illamasqua กว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ปัจจุบันในเครือ มาจากพอร์ทธุรกิจด้านความงาม . . Sources: https://www.glossybox.com/…/12/glossybox-skincare-launch-2…/ https://cosmeticsbusiness.com/…/Glossybox_launches_n…/168866 https://www.youtube.com/watch?v=vnkzkUnUrRk : introducing Glossybox https://www.thg.com/brands/ : The Hut Group’s Brand 2020-08-2018 minmaXkin updatemaXkin updateEp.5 Woohwaman แพลทฟอร์ม K-beauty ที่สร้างสินค้า จากเสียงของลูกค้า | maXkin updateตลาดสินค้าความงามนั้นใหญ่มหาศาล เฉพาะในเกาหลีใต้ ปีหนึ่งมีแบรนด์ออกใหม่กว่า 2,000 แบรนด์ ทว่าสำเร็จเพียงหยิบมือ ถ้างั้น ทำอย่างไรจึงจะเป็นแบรนด์ที่สำเร็จหยิบมือนั้น? “แทนที่จะเน้นสร้างแบรนด์ใหม่ เราเลือกเดินอีกทางหนึ่ง เราจะสร้างสิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าเท่านั้น” Woohwaman เริ่มต้นขึ้นจากจุดมุ่งหมายในการ ‘สร้างสินค้าที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง’ Woohwaman เป็นภาษาเกาหลี แปลว่า “เราร่วมกันสร้างเครื่องสำอาง” บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดย Kim Do Yeon ผู้ประกอบการเกาหลีใต้ เพื่อสร้าง ‘พื้นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนร่วมคิดร่วมสร้างของลูกค้าและบริษัท’ (interactive co-creation platform) ให้เกิดการแชร์ไอเดียสินค้าต่างๆ โดยหวังว่าบริษัทจะนำไปพัฒนาสินค้า เพื่อออกวางตลาดจริงๆ กลไกของ Woohwaman ทำงานอย่างไร? 1. ลูกค้าที่มีไอเดียสินค้า จะกรอกใบเสนอ บนแพลทฟอร์มของ Woohwaman 2. ไอเดียต่างๆ จะถูกคัดเลือก และประเมิน เป็นการภายในโดยบริษัท 3. ไอเดียที่ถูกเลือกไปผลิตจริง จะได้ส่วนแบ่ง 3% จากราคาสินค้าที่จำหน่ายปลายทาง (3% cut of the product retail price) เพื่อเลือกไอเดียได้อย่างแม่นยำ บริษัทจำเป็นต้องติดตามเทรนด์ของตลาด K-beauty อย่างใกล้ชิด “เทรนด์ของตลาดความงามเกาหลีปรับเปลี่ยนรวดเร็ว สินค้าที่เราพัฒนาจะต้องนำเทรนด์ และเราจำเป็นต้องคาดการณ์เทรนด์ล่วงหน้า 2 ฤดูกาล เพื่อให้นำหน้าคู่แข่งเจ้าอื่น” เรเชล ซอง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ กล่าว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทดสอบการพัฒนาสินค้า ผ่านกลไกของแพลทฟอร์มนี้ เช่น ‘Latibule facial sheet masks’ สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ ขายได้กว่า 5 แสนชิ้น ในเวลา 6 เดือน หรือ ‘Osak Hand Gel’ ครีมทำความสะอาดมือ วางตลาดเดือน พย. 2019 ไม่กี่เดือน ก่อนการแพร่ระบาดของ Covid-19 “ในช่วงนั้น ยังไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือในเกาหลี แต่เรารู้ว่าลูกค้าสนใจขึ้นในสุขอนามัยส่วนตัว เราเห็นโอกาสในการสร้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือที่ทันสมัยและพกพาง่าย ... หลังวางตลาด และเกิดการแพร่ระบาดของโควิด สินค้าของเราก็ประสบความสำเร็จสุดๆไปเลย” เมื่อได้ลอง และเห็นความสำเร็จที่เกิดขึ้น Woohwaman ก็มั่นใจ ขั้นต่อไปหมายจะ ‘จับมือกับบริษัทเครื่องสำอางเจ้าอื่นๆ’ (Cross-company collaboration) เพื่อสร้างสินค้าจากแพลทฟอร์มนี้ ปัจจุบัน บริษัทเข้าร่วม ‘Nivea Accelerator (NX)’ โปรแกรม beauty accelerator ของบริษัท Beiersdorf ยักษ์ใหญ่ด้านความงามสัญชาติเยอรมัน (เจ้าของแบรนด์นีเวีย ยูเซอรีน ลาแพรี่ ฯลฯ) โดยหวังว่าจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ “ณ ตอนนี้ เราร่วมในโปรแกรม NX เราก็ยินดีที่จะร่วมงานกับ Biersdorf และโดยเฉพาะแบรนด์นีเวีย” Woohwaman ยังหวังจะขี่กระแสความนิยมของ K-beauty โดยขยายไปยังต่างประเทศ โดยเล็งญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ และยุโรป แต่ต้องพักก่อน เพราะเจอโควิด . . source: https://www.cosmeticsdesign-asia.com/…/K-beauty-start-up-be… https://woohwaman.com : แพล็ตฟอร์มเพื่อรับไอเดียจากลูกค้า https://woohwamanstore.com : หน้าร้านหลัก ในการจำหน่ายสินค้าที่สร้างจากแพลทฟอร์ม https://www.nxnivea.com : NX Nivea Accelerator Program2020-08-2012 minmaXkin updatemaXkin updateEp.4 เบื้องหลังการพัฒนาหลอดเครื่องสำอางจากกระดาษ ของสองยักษ์ L’Oréal และ Albéa | maXkin updateมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการวางตลาดสินค้าใหม่ ของ La Roche-Posay แบรนด์เวชสำอางในเครือลอรีอัล .. ดูเผินๆ ก็ครีมกันแดดอีกตัว .. แต่มอง กันให้ดี นี่คืออีกก้าวของบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เพราะหลอดบรรจุภัณฑ์นี้ ลดการใช้พลาสติกลง 45% .. แทนที่ด้วยกระดาษ และเยื่อกระดาษ .. และเรียกตัวเองว่าเป็น paper-based cosmetic tubes Albéa หนึ่งในผู้นำโลกด้านบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ใช้เวลาหนึ่งปี ในการ พัฒนาร่วมกับลอรีอัล จากแนวคิดจนวางตลาด ทั้งคู่ คิดและทำงานกันอย่างไร -1- แทนที่พลาสติก ด้วยกระดาษ ตรงไหนได้บ้าง? โจทย์: หลอดที่ใช้พลาสติกน้อยลง ปล่อยคาร์บอนลดลง แต่คุณสมบัติ การใช้งานดีเหมือนเดิม (less plastic and an improved carbon footprint but the same functionality) สำคัญคือ ต้อง ‘ป้องกันได้ดีระดับหนึ่ง’ (a certain level of barrier) เพราะ หน้าที่หลักของบรรจุภัณฑ์ คือการปกป้องเนื้อสารภายในให้คงสภาพ รักษา คุณภาพไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าหมวดสกินแคร์ ที่สินค้ามักอ่อนไหว มากต่อสภาพแวดล้อมภายนอกบรรจุภัณฑ์ “เราตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะไม่ใช้อลูมิเนียมเลย จะออกแบบชั้นของการป้องกัน ของบรรจุภัณฑ์โดยปราศจากอลูมิเนียม (aluminium-free laminate) ดังนั้น เรายังจำเป็นต้องใช้พลาสติกประมาณนึง ทั้งในชั้นของการป้องกันเนื้อสินค้า ภายในหลอด และในชั้นนอกเพื่อป้องกันกระดาษไม่ให้ชื้น” Gilles Swyngedauw ไดเรคเตอร์ด้านความยั่งยืนของ Albéa อธิบาย การใช้พลาสติกในสัดส่วนที่มากกว่าเยื่อกระดาษ หมายความว่าหลอดนี้ “ไม่สามารถรีไซเคิล” (ในกระบวนการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์แบบกระดาษ) ทีมพัฒนารู้ดีในข้อจำกัดดังกล่าว แต่มองว่าหากรอให้บรรจุภัณฑ์สมบูรณ์แบบ สิ่งนั้นอาจไม่เกิดขึ้น จึงออกเวอร์ชั่นแรกของหลอดกระดาษ (ที่สัดส่วนของพลาสติก ยังมากกว่ากระดาษอยู่) ออกมาก่อน อย่างน้อยก็เป็นหลักไมล์แรก - 2 - ทำอย่างไรให้รีไซเคิลได้? นี่คือขั้นตอนที่ทั้งสองบริษัทกำลังง่วนอยู่ เส้นชัยคือ การเพิ่มสัดส่วนของกระดาษให้ ‘มากกว่า 50%’ .. เพื่อให้หลอดนั้นสามารถผ่านกระบวนการรีไซเคิล ใน cardboard streams - 3 - เป็นไปได้ไหม ที่หลอดเครื่องสำอางจะทำจากกระดาษ 100%? คำตอบของทีมพัฒนาของ Albéa คือ น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพลาสติก จำเป็นต้องใช้เพื่อเป็น “เกราะป้องกัน” (barrier) ... และยิ่งแนวโน้มของ เครื่องสำอาง ไปในทางธรรมชาติมากขึ้น ปราศจากสารกันเสียมากขึ้น บทบาทพลาสติกกลับ ‘ยิ่งสำคัญ’ แนวทางพัฒนา ณ ขณะนี้ คือการมุ่งเพิ่มสัดส่วนของกระดาษ ลดสัดส่วนของพลาสติก ให้มากเท่าที่จะทำได้ เป้าสุดท้าย คือ ในส่วนที่ยังต้องใช้พลาสติก ก็ใช้แบบรีไซเคิล (post-consumer recycled: PCR) และ ไบโอ (bio based)” “นวัตกรรมของกระดาษจะช่วย แต่จะไม่ถึงกับทำให้พลาสติกเป็นศูนย์” . . Source: https://www.cosmeticsdesign-europe.com/…/L-Oreal-second-gen…2020-08-2012 minmaXkin updatemaXkin updateEp.3 Chatbot ทำอะไรผิดไป ให้ลูกค้าขุ่นเคือง | maXkin updateChatbot ทำอะไรผิดไป ให้ลูกค้าขุ่นเคือง รายงานวิจัย ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร Service Industry Journal สืบสอบปัจจัย ที่ทำให้การพูดคุยกับ chatbot สร้างประสบการณ์แย่ๆให้แก่ลูกค้า จนทำให้ ลูกค้าไม่ซื้อ หรือถึงกับเทแบรนด์นั้น “บริษัทมองว่า chatbot จะช่วยยกระดับการให้บริการลูกค้า และประหยัดค่า ใช้จ่าย” ดร.อนา คานโฮโต้ แห่ง Brunel Business School กล่าว “แต่จากการศึกษา ประสบการณ์เชิงลบ (ที่เกิดจาก chatbot) กลับอาจทำให้ บริษัทเสียลูกค้า หรือเกิดวิกฤติภาพลักษณ์ และขัดขวางการสร้างลูกค้าใหม่” 4 อาการของ chatbot ที่ก่อปัญหา คือ 1) ไม่สมจริง ไม่เหมือนคน (inauthenticity) ลูกค้าคุยไปสักพักแล้วจับได้ รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คน 2) ถามซ้ำซาก ตอบซ้ำไปซ้ำมา 3) ตอบแห้งๆ ไร้จิตใจ (failure to exhibit appropriate empathetic) ทำลูกค้าหงุดหงิด หัวเสีย 4) รับมือสถานการณ์ที่ยากๆ (complex quiries) ไม่ได้ เพราะถูกโปรแกรมมาเพื่อโต้ตอบได้จำกัด (limited operational scope) “หากรู้สึกว่า chatbot โต้ตอบไม่โอเค ลูกค้าจะเริ่มเรียกหาคนจริงๆ” ในเคสเช่นนั้น การลงทุนใน AI chatbot ที่หวังจะประหยัดต้นทุน กลับส่งผลตรงข้าม คือไปเพิ่มการภาระของช่องทางบริการลูกค้าอื่นๆ “หากยังเข้าถึงคนจริงๆไม่ได้ ก็จะไม่คุยต่อ ลูกค้าอาจจะยกเลิกบริการ เปลี่ยนไปใช้คู่แข่ง หรือบ่นด่าแบรนด์ในโซเชียลมีเดีย” ดร.คานโฮโต้ แนะให้ธุรกิจนำเอาสิ่งที่ค้นพบจากการศึกษานี้ ไปปรับการทำงานของ chatbot และความคาดหวังของลูกค้า เพื่อหลีกเลี่ยงประสบการณ์ลบๆ ข้อมูลจาก Services Industry Journal รายงานว่า ทุกวันนี้ 2 ใน 3 ของปฏิสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า ทำผ่าน Chatbot . . Source: https://insideretail.asia/…/chatbots-are-backfiring-drivin…/2020-08-2009 minmaXkin updatemaXkin updateEp.1 | Shiseido เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ในจีน ถึงขนาดจะเอาไปใช้ทั่วโลก ? | maXkin updateShiseido เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ในจีน ถึงขนาดจะเอาไปใช้ทั่วโลก ? “สินค้าความงามต่างจากหมวดอื่น ตรงที่การ ‘ได้สัมผัสกัน’ (human touch) เป็นสิ่งสำคัญมาก ... เราขบคิดหนัก ว่าจะจัดโครงสร้างการขายและการให้บริการอย่างไร เพื่อตอบโจทย์นั้น” มาซาฮิโกะ อุโอทะนิ ซีอีโอของ Shiseido แบรนด์เครื่องสำอางค์ญี่ปุ่น อายุ 148 ปี กล่าว “เราต้องผสมผสานออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อทำให้คนซื้อเพิ่มขึ้น” การเปลี่ยนผ่านไปสู่การขายออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับเครื่องสำอางค์เคาน์เตอร์แบรนด์ ที่ลูกค้าคุ้นชินกับการเดินชมและทดลองสินค้า ตามเคาน์เตอร์ของแบรนด์ต่างๆในห้างสรรพสินค้า หากพอใจก็จ่ายเงินและได้ของทันที หากชิเซโดต้องจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งที่ต้องทำคือ 1. เทรนพนักงานขาย (beauty consultants) ให้ใช้ live streaming และ social media 2. ร่วมกับร้านค้าปลีก พัฒนาวิธีใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการช็อปปิ้ง 3. ลงทุนในคอนเทนท์ทางการตลาดใหม่ๆ สำหรับออนไลน์ ซึ่งกลยุทธ์ทั้งหมดที่ว่านี้ ได้สรุปจากการลงมือทำจนเห็นผลในประเทศจีน ล่าสุด ชิเซโดกำลังฝึกพนักงานขายในญี่ปุ่น ให้ตามรอยความสำเร็จของพนักงานขายหน้าเคาน์เตอร์ในจีน ซึ่งสามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น mini-influencers ในจีน พนักงานขายจะใช้โซเชียลมีเดียเพื่อไลฟ์สดเวลามีสินค้าใหม่ๆเข้ามา ลูกค้าที่สนใจจะถูกส่งไปยังเวปไซท์ของห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อสินค้านั้น ซีอีโอชิเซโด มองความสำเร็จที่เกิดในตลาดจีนเป็นต้นแบบ และจะนำไปใช้ในประเทศอื่นอีกทั่วโลก source: https://www.bloomberg.com/…/shiseido-looks-to-china-online-…2020-08-1706 minmaXkin updatemaXkin updateEp.2 | Sasa จะรับมืออย่างไร เมื่อนักท่องเที่ยวลูกค้าหลัก หายไปเกือบหมด ? | maXkin UpdateSasa จะรับมืออย่างไร เมื่อนักท่องเที่ยวลูกค้าหลัก หายไปเกือบหมด ? Sasa ร้านบิวตี้สโตร์เจ้าดังแห่งฮ่องกง ที่หลายปีที่ผ่านมา เติบโตมากจากนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาช็อปปิ้ง และพักผ่อนวันหยุด ในฮ่องกงและมาเก๊า สองฐานที่มั่นซึ่งสร้างรายได้เข้าบริษัทกว่า 80% เมื่อโควิดมา การเดินทางชะงัก นักท่องเที่ยววูบเกือบ 100% ยอดขายรวมทั้งบริษัทในหายไปประมาณ 2 ใน 3 (ยังดีที่มีลูกค้าท้องถิ่นในฮ่องกง มาเก๊า และอีกบางประเทศที่ Sasa เข้าไปลงทุนเปิดร้าน ช่วยพยุงเอาไว้บ้าง) ประธานบริษัทและซีอีโอ ไซมอน กว๊อก กล่าวว่า “ลูกค้าท้องถิ่น (local customers) ตอนนี้กลายเป็นรายได้หลักของบริษัท” นั่นนำไปสู่การปรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ (product mix) ในร้าน โดยเพิ่มกลุ่มสินค้าที่ช่วยป้องกันโรคระบาด และการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล “การปรับตรงนี้ ช่วยรักษาลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่” และเพื่อเพิ่มยอดขาย Sasa เน้นไปที่ Social Commerce ซึ่งสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของพนักงานขายหน้าร้านที่มีอยู่ มาเสนอขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ “เรามีบริการลูกค้าหน้าร้าน มีพนักงานขายอยู่แล้ว Social Commerce จึงมีศักยภาพมากที่จะสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ ในแง่ของ - house brand sales mix - gross margin - basket sizes เมื่อเปรียบเทียบกับ traditional pure online sales” (ซึ่งขายสินค้าผ่านเวปไซท์ หรือรูปแบบอัตโนมัติ โดยไม่เน้นผ่านคนขาย) ตั้งแต่ตุลาคมปีก่อน Sasa ได้ทดลอง WeChat mini programe ซึ่งมุ่งเป้าที่ลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเคยมาช็อปที่หน้าร้านในฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งยอดขายผ่านโปรแกรมนี้ ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อเนื่องมาทุกไตรมาส ในด้านรายจ่าย Sasa ดำเนินมาตรการประหยัดต้นทุน ผ่านการเจรจาลดค่าเช่า และการควบคุมสินค้าคงคลัง ซึ่งลดลงจาก 129 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมี.ค.63 ลงเหลือ 108 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมิ.ย.63 📌source: https://insideretail.asia/…/sasa-sales-plunge-68-per-cent-…/2020-08-1710 min